แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Vasasino

หน้า: [1]
1
ในช่วงเวลานี้ที่ข้าวของทุกอย่างแพงไปหมด ตั้งแต่ข้าวแกงยันอาหารตามสั่ง รวมทั้งราคาน้ำมันที่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลง ทำให้ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ หันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันกันอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามถึงจะขับรถประหยัดน้ำมันกัน แต่ถ้าหากไม่รู้วิธีขับรถยนต์ที่ถูกต้องก็จะสิ้นเปลืองค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เหมือนกัน ซึ่งการขับรถที่ดี นอกจากมีสติและถูกกฎจราจรแล้ว ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ ยังต้องรู้จักวิธีขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน เพราะนั่นหมายถึงการเซฟเงินในกระเป๋าได้แบบสุด ๆ ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝาก รับรองว่าไม่ยากเกินกว่าที่จะทำตามกันได้แน่นอนและตอนนี้เรามาดูหลักการขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่า                                   

1. การสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์ขณะที่รถจอดอยู่กับที่ เพียงขับเคลื่อนรถเบาๆ 1-2 กิโลเมตรเครื่องยนต์จะอุ่นเองไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์แล้วจอดอยู่กับที่ เพราะการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 2 นาที สิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี. และหลังไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดดับลงแล้ว คุณก็สามารถเคลื่อนรถออกได้อย่างช้าๆแล้วค่อยๆเร่งเครื่องยนต์ทีละน้อยโดยไม่ควรใช้รอบสูงตรงนี้ทำให้เครื่องยนต์อุ่นตัวได้เร็วขึ้น                                                       
2. เบรกมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ทุกครั้งที่เราเบรก ความเร็วจะลดถ้าต้องการไปต่อ เราก็ต้องเพิ่มความเร็วหรือเร่งเครื่องขึ้น การมองไกลเพื่อประเมินสถานการณ์ข้างหน้า โดยการปล่อยคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อปล่อยให้รถไหล ไม่ใช่เบรกเพื่อปล่อยคันเร่งต่อหรือปล่อยคันเร่งช้า แล้วแตะเบรกและเร่งต่อ อย่างหลังจะเปลืองน้ำมันมากกว่า                               

3. หลีกเลี่ยงการเร่งคันเร่งทันทีทันใดบ่อยๆหรือการเรเครื่องยนต์บ่อยๆ  การเร่งเครื่องยนต์ขณะเกียร์ว่าง 10 ครั้งส่งผลให้รถจักรยานยนต์สิ้นเปลืองน้ำมัน 15 ซีซี., รถปิคอัพ รถตู้ รถแวน สิ้นเปลืองน้ำมัน100 ซีซี. และรถบรรทุก สิ้นเปลืองน้ำมัน 300 ซีซี.หรือเรียกว่า การย่ำคันเร่ง บางคนชอบเร่งแล้วปล่อย ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก     

4. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ และไม่เกินป้ายจำกัดความเร็ว   อัตราความเร็วรถที่เหมาะสมที่จะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดคือ 60 - 80 ก.ม./ช.ม.
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างๆ กัน เปรียบเทียบได้ดังนี้
- ความเร็ว 95 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 15%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 29%
- ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%                                                   
ตัวอย่างเช่น การวิ่งรถในยานชานเมืองที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นจุดที่ให้ความประหยัดมาก และควรเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาฝนตก ซึ่งเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่า หากฝนตกเมื่อไรการจราจรติดเมื่อนั้น เพราะธุรกิจบางอย่างสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือวิธีอื่น ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องขับรถให้เปลืองน้ำมันด้วย                                                                                                       

2
หากอยากให้ร้านค้าของคุณขายดิบขายดี เพจเฟสบุ๊คคนเข้าไม่ขาดสายแล้วละก็ ไม่ใช่แค่สินค้าหรือบริการที่คุณควรให้ความสำคัญ แต่ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่สำคัญมากพอๆ กัน วันนี้เราจะมาชี้แจงเทคนิค 5 ข้อที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณกลายเป็นร้านยอดฮิต
1.แชร์บทความที่มีประโยชน์ต่อลูกค้า หากคุณต้องการสร้างรายได้โดยการขายของออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊คแล้วละก็ การทำให้เพจเฟสบุ๊คของคุณมียอดผู้ติดตามและยอดไลค์เยอะๆ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว โดยสิ่งที่จะทำให้เพจของคุณเกิดหรือดับในโลกของการขายของออนไลน์ก็คือ content หรือบทความที่คุณโพสลงบนเพจเฟสบุ๊คของคุณนั่นเอง ซึ่งคำแนะนำของเราคือ
-เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ใส่ content ที่คุณคิดว่าลูกค้าสนใจ ไม่ได้เน้นขายของหรือโพสเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเพียงอย่างเดียว
-เรียนรู้ความชอบและความสนใจของลูกค้าจากลูกค้ารายเก่า
-ใช้เครื่องมือเสริมเพื่อค้นหาว่าคนส่วนใหญ่ชอบอ่านบทความแบบไหน เช่น BuzzSumo
-ศึกษาเทคนิคอื่นๆ ในการโพสบนเฟสบุ๊ค
2. พูดคุยกับลูกค้าเยอะๆ แม้สำหรับร้านค้าออนไลน์ทุกร้านเป้าหมายคือยอดขายที่พุ่งกระฉูด แต่กฎเหล็กของร้านค้าออนไลน์ที่อยากขายดีคือทำให้ยอดไลค์ ยอดคอมเม้น และยอดแชร์เพิ่ม ไม่ว่าจะมาจาก content ที่ลูกค้าอยากอ่าน หรือกิจกรรมที่ลูกค้าอยากเข้าร่วมบนเพจเฟสบุ๊คของคุณก็ตาม และการตอบคอมเม้นลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะทำให้เพจเฟสบุ๊คของคุณน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้นในอนาคต
3.วางแผนเนื้อหาที่จะโพสในแต่ละวัน เมื่อคุณขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะทำเป็นรายได้เสริมหรือทำแบบเต็มตัว หากคุณอยากให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นจะต้องมีวินัยในการโพส การจัดตารางการโพสทุกๆ สัปดาห์และตั้งค่าการโพสอัตโนมัติให้เวลาตรงกับเวลาที่กลุ่มลูกค้าของคุณออนไลน์ จะทำให้โพสของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-เทคนิคคือการจัดตารางการโพสรายเดือนจะทำให้วินัยคุณดีขึ้น และจะช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญสำหรับวันพิเศษต่างๆ ได้อย่างไม่ตกหล่นอีกด้วย การทำแบบนี้อาจจะทำให้การขายของออนไลน์ของคุณกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลยก็ได้
4.กระตุ้นให้ลูกค้าหรือแฟนเพจมีส่วนร่วมกับโพสหรือกิจกรรมของเพจอยู่เสมอๆ การกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ บนเพจเฟสบุ๊คของคุณ เช่นการประกวดถ่ายภาพรีวิวสินค้า จะช่วยสร้างฐานแฟนเพจและผู้ติดตามเพจให้กับคุณ และยังสามารถช่วยส่งเสริมการตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย พูดได้ว่า ยิ่งลูกค้าของคุณรู้จักและคุ้นเคยกับเพจเฟสบุ๊คหรือแบรนด์ของคุณมากเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถตัดสินใจซื้อของจากคุณได้ง่ายขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
 5.เพิ่มแฟนเพจจากการโฆษณา เครื่องมือที่สร้างสามารถช่วยเพิ่มฐานแฟนเพจของคุณได้อย่างรวดเร็ว คือการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าของคุณ โดยคุณสามารถเลือกอาชีพ ความสนใจ ของพวกเขาได้ และคุณยังสามารถกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นแชร์หรือบอกเพื่อนๆ ของพวกเขาต่อ อาจจะด้วยวิธีต่างๆ ต่อไปนี้
-กระตุ้นให้แฟนเพจแชร์โพสของคุณ โดยอาจมีของขวัญหรือรางวัลให้สำหรับคนที่แชร์
-สร้างโพสที่ทุกคนอยากแชร์ไปให้เพื่อนๆ ของพวกเขา
-ใข้ค่าต่างๆ ในการวัดค่าโฆษณาออนไลน์
นี่เป็นเพียง 5 เทคนิคหลักๆ ที่เจ้าของเพจเฟสบุ๊คควรให้ความสำคัญ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับการขายของออนไลน์บนแฟลตฟอร์มอื่นได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการสร้างเพจเฟสบุ๊คให้ติดตลาดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ organic reach นับวันจะยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ  แต่หากคุณมีการวางแผนการโพส และ content ที่ดี รับรองเลยว่าการทำเพจให้ดังให้ปังนั้นไม่ใช่เรื่องยาก สุดท้ายนี้ขอให้เจ้าของร้านค้าและเจ้าของเพจเฟสบุ๊คทุกท่านโชคดี ร้านค้าขายดีกันตลอดทั้งปีเลยนะ

หน้า: [1]